งานที่กำลังจะมาถึง สำหรับแรงงานในยุคถัดไป
“พวกเรายังต้องการแรงงานอีกมาก เรายังต้องการใครสักคนที่มาจัดการหน้า login และที่สำคัญคือ คุณไม่จำเป็นต้องเป็นระดับซุปเปอร์สตาร์”
เมื่อตลาดแรงงานในอเมริกากำลังเกิดการเปลี่ยนแปลง และมันจะเกิดแบบเดียวกันในทุกๆที่อีกด้วย
ลองดูจากบทความใน wired.com ที่เขียนถึงตลาดแรงงานในอเมริกากันครับ
ความต้องการในตลาดแรงงานกำลังเปลี่ยนไป
ซิลิคอนวัลเลย์นั้นมีการจ้างงานคนเขียนโค้ด เพียง 8% จากคนเขียนโค้ดทั้งประเทศ แล้วที่เหลืออีกเป็นล้านล่ะ?
ภาพที่ปรากฏในมุมมองของคนทั่วไป เมื่อถามถึง Coder (คนเขียนโค้ด) คงจะเป็นใครบางคนที่คล้ายกับ Mark Zuckerberg ใส่เสื้อมีฮูท ออกจากมหาวิทยาลัยกลางคัน ใช้เวลา 72 ชั่วโมงนั่งหน้าคอมพิวเตอร์ เขียนโปรแกรม กับเป้าหมายที่เต็มไปด้วยความยิ่งใหญ่ และเมามันส์ พร้อมกับประกาศว่า “พวกเขาจะเปลี่ยนโลก”
แต่นี่มันก็แค่การเหมารวม ไม่ได้ตรงตามความเป็นจริงมากนัก ซิลิคอนวัลเลย์นั้นมีการจ้างงานคนเขียนโค้ด เพียง 8% จากคนเขียนโค้ดทั้งประเทศ แล้วที่เหลืออีกเป็นล้านล่ะ? พวกเขาก็เหมือนกับ Devon โปรแกรมเมอร์คนหนึ่ง เขาเป็นผู้ดูแลซอฟท์แวร์ระบบรักษาความปลอดภัยในเมือง Portland, Oregon เขาไม่ใช่คนที่รวยมาก แต่มีงานที่มั่นคงและมีรายได้ที่ดี ทำงานสัปดาห์ละ 40 ชม. กับงานที่ท้าทายความสามารถ เขาบอกว่าพ่อของเขาเป็นคนงาน ( blue-collar guy คือผู้ใช้แรงงาน – white-collar guy คือพนักงานออฟฟิศ ) ซึ่งดูเหมือนว่าเขาเองก็เช่นกัน
เทคโนโลยีคือสาเหตุของความเปลี่ยนแปลง
ปัญหาใหญ่ของอเมริกาที่กำลังจะเกิดขึ้นคือ อัตราการว่างงานที่กำลังเพิ่มขึ้น ผู้ว่างงานเหล่านี้มีมาจากทั้งส่วนของ ชนชั้นแรงงาน ที่ได้ถูกระบบอุตสาหกรรมอัตโนมัติเข้ามาแย่งชิงตำแหน่งงานไป นับตั้งแต่เริ่มมีการใช้เครื่องจักรเข้ามาทำงานแทน และอีกส่วนหนึ่งที่กำลังค่อยๆถูกแย่งชิงคือ พนักงานออฟฟิศในหลายส่วน เช่น Call Center พนักงานบัญชี พนักงานขาย ฯลฯ พนักงานเหล่านี้กำลังจะได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี ในระดับที่แตกต่างกันออกไป
ปัญหาใหญ่ของอเมริกาที่กำลังจะเกิดขึ้นคือ อัตราการว่างงานที่กำลังเพิ่มขึ้น ผู้ว่างงานเหล่านี้มีมาจากทั้งส่วนของ ชนชั้นแรงงาน ที่ได้ถูกระบบอุตสาหกรรมอัตโนมัติเข้ามาแย่งชิงตำแหน่งงานไป นับตั้งแต่เริ่มมีการใช้เครื่องจักรเข้ามาทำงานแทน และอีกส่วนหนึ่งที่กำลังค่อยๆถูกแย่งชิงคือ พนักงานออฟฟิศในหลายส่วน เช่น Call Center พนักงานบัญชี พนักงานขาย ฯลฯ พนักงานเหล่านี้กำลังจะได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี ในระดับที่แตกต่างกันออกไป เช่นพนักงานขาย พนักงานเก็บเงิน ในห้างสรรพสินค้า อาจจะมีความต้องการลดลงเมื่อลูกค้าสามารถสั่งซื้อสินค้าหลายๆอย่างได้ด้วยตนเองในทุกๆที่ หรือกับพนักงานบัญชี ที่เมื่อมีการทำธุรกรรมผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มขึ้นมาก ระบบการใช้เงินสด ก็จะลดลงอย่างมากเช่นกัน นั่นอาจจะทำให้ระบบบัญชีอัตโนมัติมีความสำคัญมากขึ้น แต่การจ้างงานพนักงานบัญชีจะต้องลดลงอย่างแน่นอน นอกจากนั้นแล้วยังสร้างผลกระทบต่อนักวิเคราะห์ในอีกหลายสาขา โดยเฉพาะด้านการเงิน การลงทุน และการตลาด
สิ่งที่ตามมาคือ อัตราความต้องการแรงงานด้าน IT จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่ความการเหล่านั้นไม่ได้เกิดขึ้นในบริษัท IT ยักษ์ใหญ่อย่างเช่น ไมโครซอฟท์ หรือกูเกิล แต่เป็นความต้องการจากธุรกิจในส่วนอื่นๆ เช่นจากบริษัทที่ให้บริการด้านการจัดการบริหารบัญชี ห้างสรรพสินค้า หรือจากบริษัทขนส่งต่างๆ ที่จำเป็นต้องใช้ระบบอัตโนมัติในการบริการ ซึ่งบริษัทเหล่านี้หลังจากที่ปรับตัวมาใช้ระบบอัตโนมัติแล้ว พวกเขาย่อมต้องการคนมาดูแลระบบเหล่านี้ด้วย
การศึกษาต้องปรับตัว
ครูและนักธุรกิจส่วนใหญ่ใช้เวลาเพียงเล็กน้อยในการแนะนำกับเด็กๆ ให้เข้าเรียน กับเวลาสี่ปีที่แสนแพงในสาขาวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ แทนที่จะเป็นการเกริ่นนำเกี่ยวกับการเขียนโปรแกรมในระดับอาชีวศึกษา หรือมัธยม ทั้งที่มันสามารถเริ่มเรียนวิธีการเขียนโค้ดได้ในวิทยาลัยชุมชน
ดังนั้นสิ่งสำคัญเหนืออื่นใด มันคือการเปลี่ยนแปลงกระบวนการฝึกฝนเพื่อรองรับงานด้านการเขียนโปรแกรม ใครกันที่จะเป็นคนคอยสนับสนุนและติดตามพวกเขา อย่างสิ่งที่ Anil Dash ได้ทำลงไป Anil Dash เป็นนักคิดเทคโนโลยี และผู้ประกอบการ ซึ่งครูและนักธุรกิจส่วนใหญ่ใช้เวลาเพียงเล็กน้อยในการแนะนำกับเด็กๆ ให้เข้าเรียน กับเวลาสี่ปีที่แสนแพงในสาขาวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ แทนที่จะเป็นการเกริ่นนำเกี่ยวกับการเขียนโปรแกรมในระดับอาชีวศึกษา หรือมัธยม ทั้งที่มันสามารถเริ่มเรียนวิธีการเขียนโค้ดได้ในวิทยาลัยชุมชน หรือสำหรับคนวัยทำงานก็สามารถลงเรียนในคอร์สระยะ 1 เดือนได้ อย่างเช่นของ Dev Bootcamp ที่ซึ่งมักจะให้ความสนใจกับระดับผู้ปฏิบัติงานมากกว่าเยาวชนที่มีความโดดเด่น หรือมีทักษะพิเศษ
แต่กระบวนการเหล่านั้น จะไม่ทำให้คนเขียนโปรแกรม มีความรู้เชิงลึกที่จะสามารถทำอะไรใหม่ๆได้ เช่น อัลกอริทึ่มสำหรับการซื้อขาย หรือเรื่องของโครงข่ายประสาทเทียม ซึ่งมันไม่จำเป็นสำหรับพวกเขา เพราะระดับของงานที่อาศัยความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านนั้นมีค่อนข้างจะจำกัดและหาได้ยากมาก แต่สำหรับเหล่าคนเขียนโค้ด ที่มาพร้อมอาวุธเป็น JavaScript ซึ่งมีอยู่จำนวนมากมาย และพวกเขาก็มีงานระดับกลางๆอยู่มากมายเช่นกัน แถมมีการเติบโตที่ดีมากเสียด้วย จากรายได้เฉลี่ยของงานในระดับประเทศ อาชีพทางด้าน IT มีรายได้อยู่ที่ $81,000 ต่อปี ซึ่งมากกว่าสองเท่าของรายได้เฉลี่ยทั้งหมด รวมถึงยังมีอัตราการขยายตัวมากถึง 12% จากปี 2014 ถึงปี 2024 ซึ่งสูงกว่าทุกๆอาชีพอีกด้วย
ในการเปลี่ยนแปลงย่อมมีโอกาส
คนงานเหมืองอย่าง Rusty Justice ได้ตัดสินใจหันมาเอาดีด้านการเขียนโค้ด มากกว่าที่จะกลับไปทำเหมือง เขาเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง Bit Source ร้านโค้ดช๊อปนี้ถูกสร้างโดยคนงานเหมืองที่ถูกนำมาฝึกฝนใหม่เพื่อเป็นโปรแกรมเมอร์ของร้าน
ในประเทศที่ผู้คนกำลังไขว่คว้าโอกาสนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมืองที่กำลังถดถอยอย่างหนักเนื่องจากการหดตัวลงของระบบอุตสาหกรรม ในรัฐเคนตักกี้ คนงานเหมืองอย่าง Rusty Justice ได้ตัดสินใจหันมาเอาดีด้านการเขียนโค้ด มากกว่าที่จะกลับไปทำเหมือง เขาเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง Bit Source ร้านโค้ดช๊อปนี้ถูกสร้างโดยคนงานเหมืองที่ถูกนำมาฝึกฝนใหม่เพื่อเป็นโปรแกรมเมอร์ของร้าน และจากความกระตือรือร้นที่สูงมาก Justice มีผลงานมากถึง 950 แอพลิเคชั่น จากการทำงาน 11 ตำแหน่งแรกของเขาเหล่าคนงานเหมืองนี้ ค่อนข้างจะเปิดเผย มีสมาธิกับงาน มีความสามารถในการทำงานเป็นทีม และสามารถทำงานร่วมกับเทคโนโลยีทางวิศวกรรมที่ซับซ้อนได้ “คนงานเหล่านี้แหละ คือแรงงานทางเทคโนโลยี ที่เนื้อตัวสกปรกของแท้”
ขณะเดียวกันที่รัฐเทนเนสซี่ องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรอย่าง CodeTN กำลังพยายามผลักดันเด็กมัธยมให้สนใจการเขียนโปรแกรมในวิทยาลัยชุมชน นักเรียนและครูบางคนยังคงมีแนวคิดแบบดั้งเดิมที่กังวลว่าพวกเขาจะยังไม่พร้อมสำหรับการเรียนเขียนโปรแกรม เหมือนเช่นวิชาที่ถูกมองว่ายังไม่พร้อมอื่นๆที่โดนคำสาปเช่นกัน Caleb Fristoe ผู้ร่วมก่อตั้ง CodeTN ได้กล่าวว่า “พวกเรายังต้องการแรงงานอีกมาก เรายังต้องการใครสักคนที่มาจัดการหน้า login และที่สำคัญคือ คุณไม่จำเป็นต้องเป็นระดับซุปเปอร์สตาร์”
รวมไปถึง โครงการของกูเกิล (Coder Project) หรือไมโครซอฟท์ ที่สนับสนุนให้มีการสอนวิชาคอมพิวเตอร์โปรแกรมมิ่งในระดับโรงเรียน โดยใช้คอมพิวเตอร์บอร์ด ราคาถูกอย่าง Raspberry Pi เป็นเครื่องมือในการเรียนการสอน เพื่อให้เด็กนักเรียนทุกๆคนสามารถเข้าถึง เทคโนโลยี และพัฒนามันได้ด้วยตนเอง
ไม่จำเป็นต้องเป็นโปรแกรมเมอร์อัจฉริยะ แค่เป็นโปรแกรมเมอร์ก็พอ
ในชีวิตจริงฮีโร่ก็คือคนที่ธรรมดาที่ไปทำงานทุกๆวัน เพื่อผลลัพท์ที่ดี โดยไม่ว่ามันจะเป็น รถยนต์, ถ่านหิน, หรือโค้ดโปรแกรมก็ตาม
และแน่นอนในตอนนี้ สังคมไม่ได้ต้องการบุคคลระดับซุปเปอร์สตาร์ คนที่จริงจังกับการสร้างนวัตกรรม เหมือนที่มีในสถานศึกษา หรือองค์กรต่างๆ ซึ่งพวกเขาจะคอยสร้างพื้นที่ใหม่ๆ อย่างเช่นระบบ machine learning แต่นั่นก็ไม่ได้เป็นการตัดโอกาสมุมมองใหม่ๆ หรือเส้นทางใหม่ๆ ของงานด้านโปรแกรมมิ่ง ในช่วงทศวรรษนี้ ที่เราได้ผ่านวัฒนธรรมที่นิยมชื่นชอบ นักเขียน หรืออัจฉริยะพันล้าน ผู้สร้าง The Social Network หรือคนที่ปกปิดตัวตน อ่อนไหว สวมโค้ท และเป็นนักเจาะระบบ อย่างในซีรีส์ชุด Mr. Robot แต่ในชีวิตจริงฮีโร่ก็คือคนที่ธรรมดาที่ไปทำงานทุกๆวัน เพื่อผลลัพท์ที่ดี โดยไม่ว่ามันจะเป็น รถยนต์, ถ่านหิน, หรือโค้ดโปรแกรมก็ตาม
ดังนั้นเราคงต้องถามตัวเราเอง ว่าเราพร้อมที่จะก้าวสู่ยุคที่ มีความต้องการแรงงานด้าน IT และการเขียนโปรแกรมมากขนาดนี้รึยัง…
https://www.microsoft.com/en-us/education
https://googlecreativelab.github.io/coder-projects/